การตีโปงลางเบื้องต้น


                             การตีโปงลางเบื้องต้น

การตีโปงลางจะนั่งกับพื้นหรือยืน ในท่าที่ถนัด โดยจะอยู่ด้านซ้ายของโปงลาง ดังนี้
     1. จับไม้ตีโปงลางให้แน่น
     2. ฝึกไล่เสียงจากจากเสียงต่ำ ไปหาเสียงสูง และจากเสียงสูงไปหาเสียงต่ำ ในลักษณะสลับมือซ้าย-ขวา
     3. ฝีกตีกรอ รัว สะบัด
     4. ฝีกบรรเลงลายที่ง่ายๆ เช่น ลายโปงลาง เต้ย ลายภูไท เป็นต้น




                               ลักษณะเสียงโปงลาง
 




  การเคาะโปงลาง
 
โปงลางเป็นเครื่องดนตรีที่ทำมาจากไม้เนื้อแข็ง เวลาเคาะจึงมีเสียงแกร่งสั้น และห้วน ถ้าเราเคาะโน้ต 1 หรือ 2 จังหวะ จะได้เสียงไม่ไพเราะ เพราะเสียงนั้นไม่มีกังวาล ผู้ฝึกหัดจึงสมควรที่จะฝึกปฏิบัติดังต่อไปนี้
       

1.       ฝึกเคาะรัวถี่แทนตัวโน้ต หรือซอยโน้ตให้ย่อยออกเป็นตัวเขบ็จ 1 ชั้น 2 ชั้น เป็นต้น
       
2.       ผู้ฝึกจึงจำเป็นอย่างยิ่งต้องฝึกเคาะจังหวะตามทำนองหลักให้ตนเองได้ยินจนแม่นยำก่อน แล้ว
                    จึงฝึกซอยโน้ตทีหลัง
       
3.      โดยทั่วไป ผู้เคาะโปงลางมีอยู่ 2 คน ผู้ที่เล่นทำนองนั้นจะเรียกว่า “หมอเคาะ” ส่วนอีกคนหนึ่ง
                   จะเล่นเสียงประสาน เรียกว่า “ หมอเสิบ”  หมอเสิบนั้นเป็นผู้ช่วยทำจังหวะและทำเสียงทุ้ม
          การเคาะลูกโปงลาง อย่าเคาะตรงลงไปหนักๆตรงๆ จะทำให้เสียงกระด้าง ให้เคาะอย่างนิ่มนวล หรือเคาะแฉลบออกอย่างสม่ำเสมอ



 การตีโปงลางเบื้องต้น

การฝึกดนตรีไม่ว่าจะชิ้นใดต้องอาศัยการฝึกอย่างสม่ำเสมอ  ฝึกอย่างต่อเนือง ฝึกจนชำนาญ  ฝึกมากเก่งมาก   ฝึกบ้างอยุดบ้าง  ก็อาจจะไม่ได้อะไร การตีโปงลางก็เช่นกันก็ต้องฝึกบ่อยๆ จนชำนาญ

วิธีการฝึก

๑.   จะนั่นตีหรือยืนตีก็ได้ ตามความถนัด โดยจะอยู่ทางด้านซ้ายของโปงลาง

๒.   การจับมือตี จะต้องจับให้ถนัดไม่แน่นหรือหลวมเกินไป



๓.   ฝึกสัมผัสมือและการจำตัวโน้ต  โดยใช้มือซ้าย-ขวา ตีสลับกันไปทีละเสียงจากเสียงบนสุดถึงเสียงล่างสุดและจากล่างสุดถึงบนสุด  ตามจังหวะอย่างสม่ำเสมอ หลายๆ รอบ

๔.   ฝึกการสัมผัสมือ โดยแยกมือ   ใช้มือขวาตีเสียงจากบนสุดถึงล่างสุดและจากล่างสุดถึงบนสุดแต่ใช้มือซ้ายตีอยู่เสียงเดียวคือ  "ล" ( เสียงที่ ๓ จากด้านบน )  ตี ๒ มือพร้อมกันตามจังหวะอย่างสม่ำเสมอ   หรือครูเป็นผู้เคาะจังหวะตาม

๕.   ฝึกการสัมผัสแยกมือแยกเสียง  ใช้มือซ้ายอยู่ที่เสียงเดียว เช่นเดียวกับข้อ ๔  และมือขวาตีไล่เสียงจากบนลงล่างและจากล่างขึ้นบนทีละเสียง  แต่ตีเสียงละ ๒ ครั้ง จึงเปลี่ยน  ส่วนมือซ้ายตีพร้อมมือขวาในจังหวะที่ ๒ ในแต่ละเสียง  ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจังหวะสม่ำเสมอ

๖.   ฝึกการ   กรอ   รัว   สะบัด

     กรอ  -   คือการตีมือซ้าย-ขวา สลับกันถี่ ๆ จากช้าไปหาเร็ว โดยตีมือซ้ายก่อน ที่โน้ตเสียงลาต่ำ  "ลฺ"  และมือขวาตีโน้ตชื่อเดียวกันที่เสียงลาสูง  "ลํ"

     รัว  -   คือการตีมือซ้าย-ขวา สลับกันถี่ ๆ จากช้าไปหาเร็ว  ที่โน้ตตัวเดียวกันทั้ง ๒ มือ

     สะบัด- คือการตีมือ  ขวา-ซ้าย-ขวา  สลับกันอย่าวเร็ว  โดยใช้โน้ต ๓ ตัว  จากล่างขึ้นบนหรือจากบนลงล่างก่อนก็ได้

๗.   เมื่อฝึกขั้นตอนเบื้องต้นได้ชำนาญแล้ว ครูจึงต่อเพลงให้ โดยเริ่มเพลงที่มีจังหวะ  ช้า ๆ   สั้นๆ  ง่ายกับการจำก่อนแล้วค่อยเพิ่มความยากขึ้น  ในขณะที่ฝึกครูเป็นผู้ควบคุมจังหวะให้เล่นจากช้าๆ  ไปหาเร็ว



บรรณานุกรม
   
สุรพล เนสุสินธ์ต(2546) “วิชาดนตรีอีสาน 1”(ออนไลน์) สืบค้นจาก                            
      http://www.trsc.ac.th/web_load_st/std/pong3.html   วันที่สืบค้น 20 ตุลาคม 2557.







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น